ยูโอบี ประเทศไทย จับมือเชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์อาคารสำนักงาน และสาขาทั่วประเทศ  ร่วมเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนองค์กร

Read Time:3 Minute, 15 Second

(จากซ้ายไปขวา) นางสาวอัมพร ทรัพย์จินดาวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Commercial Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย; นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล กรรมการผู้จัดการ Retail & Brand; นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน); นายตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย; นายปรมัตถ์ จุฬวนิช ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) และนางสาวปิยพร รัตน์ประสาทพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือข่ายสาขาและบริการดิจิทัล ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย

เมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Power Purchase Agreement) กับ เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ บริษัทผู้พัฒนาและให้บริการธุรกิจโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำของประเทศไทย เพื่อติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ ให้แก่อาคารสำนักงาน และสาขา ธนาคารยูโอบีทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถนำพลังงานหมุนเวียนจากแสงอาทิตย์มาใช้ และช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึงปีละ 200,000 ตัน หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ถึง 8,000 ต้น           

ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของธนาคารยูโอบี ประเทศไทยปี 2566-2573 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการประหยัดพลังงานภายในอาคารสำนักงานและสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ ภายใต้ข้อตกลงนี้เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จะดำเนินการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ที่อาคารยูโอบี สาทร อาคารยูโอบี เพชรเกษม และสาขาอีก 24 แห่งที่มีความพร้อมในการติดตั้ง ซึ่งการผลิตไฟฟ้าจากระบบพลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากจะช่วยให้ธนาคารลดค่าไฟฟ้าแล้วและยังช่วยรักษาและดูแลสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

นางสาวปิยพร รัตน์ประสาทพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือข่ายสาขาและบริการดิจิทัล กล่าวว่า “ธนาคารตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจที่มีผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้กำหนดเป้าหมายในการบรรเทาผลกระทบนี้ด้วยการยกระดับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในอสังหาริมทรัพย์ของธนาคาร ปัจจุบันสาขาของธนาคาร มีสัดส่วนในการใช้พลังงานประมาณร้อยละ 40 ของการใช้พลังงานทั้งหมดของธนาคารยูโอบี ในประเทศไทย[1] ซึ่งโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ริเริ่มร่วมกับ เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่คาดหวังที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรภายใต้Scope 2[2] อย่างมีนัยสำคัญ แต่อาจบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเกือบร้อยละ 90 ในสาขาที่ร่วมโครงการอีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการรักษาความเป็นกลางทางคาร์บอนในการดำเนินธุรกิจของยูโอบี เป็นอย่างดี”

นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW กล่าวว่า “ เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือธนาคารยูโอบี เพื่อยกระดับการพัฒนาองค์กรไปสู่ความยั่งยืนและลดผลกระทบของการดำเนินธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสององค์กรในการนำพลังงานสะอาด และพลังงานหมุนเวียนเข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเชาว์ ในการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน บริษัทพร้อมทำหน้าที่พัฒนาโครงการระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ให้เหมาะสมกับความต้องการของอาคารสำนักงาน และสาขาของธนาคารยูโอบี เพื่อให้เกิดการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ธนาคารสามารถบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ”

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย จะดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ อาคารยูโอบี เพชรเกษม และ สาขาธนาคารที่ได้รับการคัดเลือกใน 13 แห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ขอนแก่น เชียงราย นครปฐม นครราชสีมา นนทบุรี ภูเก็ต ระยอง สุรินทร์ และอุบลราชธานี ภายในปีนี้ และจะดำเนินการติดตั้งเพิ่มเติมใน 11 สาขาอื่นๆ ที่เหลือรวมไปถึงที่อาคารยูโอบี สาทร ให้แล้วเสร็จภายในปี 2568

[1] ที่มา รายงานความยั่งยืน ประจำปี 2566 ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย

[2] Scope 2 emission คือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (Indirect Emissions)

Previous post บีคอน วีซี ลงทุน Series A ใน HumanSoft สตาร์ทอัพสัญชาติไทย สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแพลตฟอร์มการจัดการพนักงานอย่างมีประสิทธิภาพ
Next post “เงินติดล้อ” จัดกิจกรรม “TIDLOR Culture Camp” เพื่อแลกเปลี่ยนการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ต่อยอดสู่การปรับใช้ได้จริง
Social profiles